วิธีทำ KM ในองค์กรภาครัฐ
1. ทำให้คนเห็นคุณค่าของ KM
ผมมองว่าในหน่วยงานภาครัฐของบ้านเราขณะนี้มีโครงการต่าง ๆ เต็มไปหมด จนข้าราชการล้าและเครียด การทำ KM ต้องอย่าให้เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เข้าไปเพิ่มภาระ สร้างความทุกข์
ต้องทำให้ KM ช่วยลดงาน ลดภาระ เพิ่มความสุขให้ได้
วิธีการคงมีหลายวิธีและต้องทำหลาย ๆ อย่างประกอบกัน
วิธีที่ผมนำเสนออาจเรียกว่า "เวทีชื่นชมผลงาน" หรือชื่ออื่นที่ดึงดูดใจและสร้างความชื่นชมอยู่ในถ้อยคำ
เริ่มด้วยให้แกนนำ KM ไปเสาะหาคนระดับปฏิบัติการที่ทำงานแล้วเกิดผลดี ทำงานเก่ง มีวิธีสร้างความสำเร็จ (เล็ก ๆ) ในการทำงานอย่างน่าชื่นชม โดยที่ความสำเร็จเล็ก ๆ นั้นจะเป็นพลังขับดันไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ของหน่วยงานหรือองค์กรเสาะหามาให้ได้สัก 10 - 20 คน แล้วเชิญมาประชุมแบบล้อมวงเล่าเรื่องว่าความสำเร็จเล็ก ๆ ที่ได้รับยกย่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยมี Group Facilitator และ Note Taker ประจำกลุ่ม สำหรับนำเรื่องเล่าและเคล็ดลับในการทำงานเล็ก ๆ เหล่านี้ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ จดหมายข่าว หรือสื่ออื่น ๆ
ถ้าแกนนำ KM ได้รับการฝึกเป็น "คุณอำนวย", "คุณลิขิต" ก็จะสามารถสร้างบรรยากาศชื่นชมยินดี เปลี่ยนความรู้สึกคน ทำให้คนที่มาร่วมเวทีตื่นตะลึง เพราะนึกไม่ถึงว่าคนระดับปฏิบัติการจะมีเคล็ดลับหรือความสามารถในการคิดวิธีทำงานดี ๆ ได้ถึงขนาดนี้
ผลคือ
(1) ผู้เข้าร่วมจะเริ่มเข้าใจคำว่า "ความรู้ในคน" หรือความรู้ปฏิบัติที่เป็นหัวใจของ KM และเห็นพลังของความรู้ในคน
(2) ผู้เข้าร่วมจะเห็นคุณค่าและเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น มีความมั่นใจในตนเองที่จะคิดทำงานแบบสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
(3) ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาตนเองโดยการ "เปิดใจ" และเมื่อทำบ่อย ๆ จะเป็นคนที่ "ใจเปิด" ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเรียนรู้
(4) ผู้เข้าร่วมได้ฝึกการฟังแบบ Deep Listening ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการเป็นบุคคลเรียนรู้
(1) ผู้เข้าร่วมจะเริ่มเข้าใจคำว่า "ความรู้ในคน" หรือความรู้ปฏิบัติที่เป็นหัวใจของ KM และเห็นพลังของความรู้ในคน
(2) ผู้เข้าร่วมจะเห็นคุณค่าและเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น มีความมั่นใจในตนเองที่จะคิดทำงานแบบสร้างสรรค์ได้มากขึ้น
(3) ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาตนเองโดยการ "เปิดใจ" และเมื่อทำบ่อย ๆ จะเป็นคนที่ "ใจเปิด" ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเรียนรู้
(4) ผู้เข้าร่วมได้ฝึกการฟังแบบ Deep Listening ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการเป็นบุคคลเรียนรู้
2. แนวทางเลือกหัวข้อ

หลักการในการเลือกหัวข้อทำ KM ในหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่
(1) เป็นหัวข้อที่ทำแล้วจะเริ่มเห็นผลภายใน 3 เดือน เห็นผลชัดเจนภายใน 1 ปี
(2) เป็นหัวข้อที่ให้ความรู้สึกเป็นอิสระ (และไม่เป็นอิสระ) แก่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ
(3) เป็นหัวข้อที่จะช่วยการวางพื้นฐานการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร จากควบคุมสั่งการ มาเป็นแบบ “เสริมพลัง” (Empowerment)
ถ้าให้ผมเป็นผู้กำหนดหัวข้อ หรือ desired state ของการทำ KM ในปีแรก ผมจะเลือกคำว่า “ทำ Knowledge Mapping” โดยมีเป้าหมายเพื่อ
(1) รู้ว่าองค์กร / หน่วยงาน ต้องการความรู้หลักอะไรบ้าง เพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์
(2) รู้ว่าองค์กรมีความรู้ (ปฏิบัติ) ที่ต้องการอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนเก่งด้านใด ที่ องค์กร / หน่วยงาน ต้องการ และมีการรวบรวมไว้ทั้งในรูปของความรู้แจ้งชัด และความรู้ฝังลึก
(3) รู้ Knowledge Gap ขององค์กร / หน่วยงาน
(4) ให้คนในองค์กร / หน่วยงาน มีใจที่เปิด ที่จะ “ให้และรับ” ความรู้ปฏิบัติ
KM ที่ผิด คือ KM ที่ทำแล้วเพิ่มงาน พนักงานรู้สึกว่าเป็นภาระเพิ่มขึ้น
• KM ที่ผิด คือ KM ที่ผู้ทำรู้สึกว่าตนกำลังทำผลงานให้นาย หรือให้หน่วย KM
• KM ที่ถูก คือ KM ที่ทำแล้ว “งานได้ผล คนเป็นสุข” และได้ผลงานเพิ่มขึ้น เกิดมิตรภาพในที่ทำงานเพิ่มขึ้น
• วิธีการคือให้เริ่มจากการเสาะหาผลงานดีๆ เชิงสร้างสรรค์ ของคนเล็กคนน้อย (เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ) ที่จะช่วยกันต่อยอดไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร หามาให้ได้จำนวนมากโดยมีความเชื่อว่า “ทุกคนมีสิ่งดีๆ” แต่ที่เราเลือกมาเป็นการทำดี ผลงานดี ที่จะขับดันไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร
• นำมาจัดเวที ลปรร. ชื่นชม และต่อยอด โดยเอาไปปรับใช้ในงานของตน เมื่อได้ผลดีก็นำกลับมาเล่าใหม่ จะเกิดการยกระดับความรู้ (ผ่านการปฏิบัติ)
• ต้องมีวิทยากร ทำหน้าที่ “คุณอำนวย” “คุณลิขิต” และ “คุณ” อย่างอื่น องค์กร / หน่วยงาน จึงต้องฝึก “คุณอำนวย” และสร้างทักษะในการเปิดพื้นที่ ลปรร.
• กิจกรรมเหล่านี้จะนำไปสู่ “งานได้ผล คนเป็นสุข” ไม่เพิ่มงาน และกิจกรรม KM ก็แนบแน่นอยู่กับงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น