วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ท่านเคยมีอาการเช่นนี้หรือไม่


...ตื่นเช้ามาอย่างหมดแรง หมดอาลัยตายอยาก ไม่คิดอยากเดินทางไปทำงาน

...บ่นให้คนรอบข้างฟังเสมอว่า เบื่อ เซ็ง กับงานที่ทำอยู่

...ทนทำงานให้หมดไปวัน ๆ และเฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ เพื่อวันเสาร์อาทิตย์จะได้เที่ยวพักผ่อน

...ทำงานอย่างเช้าชามเย็นชามไปวัน ๆ ไปทำงานสายเป็นประจำ แต่ตกเย็นมักจะรีบกลับบ้านก่อนเพื่อน


หากส่อเค้ามีอาการดังกล่าว พึงระวัง! ท่านอาจกำลังป่วยเป็น “โรคเบื่องาน” เข้าให้แล้ว


โรคเบื่องานเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความเบื่อหน่ายจากลักษณะงานอาทิ 


...บทบาทงานที่ตนรับปิดชอบนั้นไม่ตรงกับความชอบ ความถนัด 

...การได้ทำงานเดิม ๆ ซ้ำซากจำเจ ไม่ท้าทายความสามารถ 

...ความเบื่อหน่ายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน อาทิ เบื่อระบบงานที่เชื่องช้าซ้ำซ้อนไร้ประสิทธิภาพ มีปัญหากับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานจนทำให้พาลเบื่องานไป


ผู้ที่มีอาการของโรคเบื่องานมักจะหาทางออกให้ตนเองหลุดพ้นจากความเบื่อหน่ายที่มีอยู่ โดยในขั้นแรกอาจด้วยการพยายามอดทนทำงานนั้น ๆ ต่อไป เนื่องจากยังไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่า ต่อมา เมื่อความเบื่อดำเนินมาถึงขีดสุดจึงอาจผันตัวจากงานที่ตนทำอยู่ด้วยการเปลี่ยนงาน หรือลาออกจากงานเดิมไปหางานอื่นทำ เพื่อหลีกหนีจากความซ้ำซากจำเจเดิม ๆ ไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ งานใหม่ที่คิดว่า น่าจะดีกว่า ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง ไม่ว่าเราจะทำงานที่ใดองค์กรใดก็ตาม ย่อมประสบปัญหาที่ไม่แตกต่างกันมากนัก การเปลี่ยนงานอาจไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาในเรื่องความเบื่อหน่ายที่ถูกต้องตรงจุดก็ เป็นได้


ผมพบว่ามีงานเขียนและบทความจำนวนมากที่ได้กล่าวถึง วิธีการ (How to) ต่าง ๆ เพื่อ รักษาอาการของโรคเบื่องานที่เกิดขึ้น ซึ่งโดยมากมักจะเน้นไปแก้ไขในด้านของ “อารมณ์ความรู้สึก” เป็น หลัก เช่น แก้เบื่อด้วยการหาเวลาพูดคุย เที่ยวเตร่ สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ในที่ทำงานและหลังเลิกงาน หรือไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดในวันหยุดสุดสัปดาห์..การตกแต่งโต๊ะทำงานใหม่ให้แปลกตา...หารูปแบบการแต่งกายใหม่ ๆ ที่สวยงามไม่ซ้ำซากจำเจ.. ฯลฯ โดยเชื่อว่าการสร้างสีสันในชีวิตเช่นนี้จะสามารถลบล้างอาการ เบื่องานได้


ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วการแก้ไขด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นเพียงการเยียวยาเฉพาะเปลือกนอกที่สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับชีวิตโดยการพยายามปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ พ้นจากความจำเจเดิม ซึ่งอาจช่วยให้อาการเบื่องานทุเลาลงไปได้บ้างแต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะอีกไม่นานสภาวะใหม่ที่สร้างขึ้นในปัจจุบันย่อมจะกลายเป็นสภาพแห่งความเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจในอนาคต



ดังนั้นในสภาพความเบื่อหน่ายอย่างถึงที่สุดนี้ หากลองฮึดสู้สักตั้งก่อนที่จะหนีไปจากมันโดยการปรับทัศนคติ มุมมอง ความคิดของเราให้ตอบสนองได้อย่างถูกต้องกับสภาพปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เราจะเห็นถึงมิติใหม่ในการทำงานและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้แน่นอน


ผมเชื่อว่า

................"การคิด" (thinking) เป็นตัวกำหนดสิ่งที่เรารู้

................ความรู้ที่เราได้จากการคิดนั้นจะเป็นตัวกำหนดความเป็นตัวเรา

.................และความเป็นตัวเราจะเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา

.................ซึ่งจะทำให้เราแสดงออก (manifesting) ทั้งคำพูดและการกระทำ